สื่อสารองค์กร

ถนนหมายเลข 67 “ไทยร่วมมือกัมพูชา” ยกระดับ ช่วงเสียมราฐ-อันลองเวง-จวม / สะงำ
โดย: JETPACK -
  • 650 เข้าชม
  • 16 มิถุนายน 2566

          คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 เห็นชอบให้รัฐบาลไทยดำเนินความร่วมมือทางการเงินในโครงการปรับปรุงถนนหมายเลข 67 (NR67) ช่วงเสียมราฐ-อันลองเวง-จวม/สะงำ ราชอาณาจักรกัมพูชา กับรัฐบาลกัมพูชาเพื่อผลักดันการยกระดับถนน NR67 เชื่อมโยงจากประเทศไทยบริเวณช่องสะงำ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ และช่องจวม อำเภออันลองเวง จังหวัดอุดรเมียนเจย ไปยังเมืองเสียมราฐ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของกัมพูชา เพื่อให้สามารถรองรับปริมาณการจราจร กระตุ้นเศรษฐกิจ และสนับสนุนการเชื่อมโยงเส้นทางในประเทศกัมพูชาระหว่างเมืองที่สำคัญ ระหว่างพนมเปญ - เสียมราฐ - บันเตียเมียนเจย ผ่านทางหลวงหมายเลข 6 (NR6) ของกัมพูชา และพัฒนาการเชื่อมโยงเส้นทางระหว่างประเทศที่สำคัญตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตอนใต้ (Southern Economic Corridor: SEC) ของกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (Greater Mekong Subregion: GMS) และทางหลวงอาเซียนสาย AH1 ผ่านทางหลวงหมายเลข 5 (NR5) (กรุงพนมเปญ - ปอยเปต) ตลอดจนสามารถเชื่อมโยงกับระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ของไทย ในการเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อ โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance: ESG) 

          ถนน NR67 สนับสนุนนโยบายการเชื่อมโยง (Connectivity) ระหว่างไทยและกัมพูชา ช่วยรวบรวมและกระจายการจราจรตามโครงข่ายเส้นทางของโครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ส่งเสริมการขยายตัวการค้าชายแดน การขนส่งสินค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวของไทยและกัมพูชา เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ ลดภาระค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลาในการเดินทาง ลดการเกิดอุบัติเหตุ สำหรับประชาชนไทยและกัมพูชา ที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่โครงการและพื้นที่ใกล้เคียง ส่งผลให้ประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในการดำรงชีวิตได้รวดเร็วและปลอดภัยมากขึ้น อาทิ สถานศึกษาและสถานบริการสาธารณสุขตามแนวเส้นทาง

          ทั้งนี้ ความร่วมมือทางการเงินโครงการ NR67 ดำเนินการในรูปแบบเงินกู้เงื่อนไขผ่อนปรน ในวงเงิน 983 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี โดยกำหนดให้มีการใช้วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ภายใต้โครงการจากไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าสัญญา ใช้ผู้รับเหมาก่อสร้างและวิศวกรที่ปรึกษาจากไทยเป็นหลักในการดำเนินโครงการ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยไปทำงานในต่างประเทศ